ประเทศไทย: ‘จอน อึ๊งภากรณ์’ จำเลยที่ 1 คดี ‘ปีนสภาสนช.’ เตรียมขึ้ 

ศาลอาญานัดสืบพยานจำเลยนัดแรก ในคดีที่นักเคลื่อนไหว 10 คน เป็นจำเลยจากการปีนรั้วรัฐสภาเมื่อปี 2550 เพื่อคัดค้านการออกกฎหมายของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 9.00 น. ณ ห้อง 801 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายจอน อึ๊งภากรณ์ จำเลยที่ 1 และนายไพโรจน์ พลเพชร จำเลยที่ 8 จะขึ้นเบิกความ เพื่ออธิบายข้อเท็จจริงพร้อมชี้แจงเจตนา

ทั้งนี้ นับแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ ถึง 14 มีนาคม 2556 ทุกวัน เว้นวันจันทร์ เป็นกำหนดการสืบพยานจำเลย ซึ่งคดีนี้มีจำเลยทั้งหมด 10 คน ส่วนใหญ่เป็นนักเคลื่อนไหวในประเด็นสิทธิด้านต่างๆ เช่น นายจอน อึ๊งภากรณ์ อดีตประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน และเคยได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขาบริการภาครัฐ นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพพนักงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพพนักงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ฯลฯ

เหตุคดีนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2550 ประชาชนประมาณหนึ่งพันคนชุมนุมบริเวณหน้าอาคารรัฐสภา เพื่อขอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งมีที่มาจากการแต่งตั้งของคณะปฏิรูปการปกครองฯ (คมช.) ยุติการเร่งพิจารณากฎหมายหลายสิบฉบับต่อวัน ขณะนั้นเป็นช่วงก่อนการเลือกตั้งใหม่ราวสองสัปดาห์ กลุ่มผู้ชุมนุมเห็นว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติไม่มีความชอบธรรม และไม่สมควรเร่งผลักดันกฎหมายใดๆ อีกทั้งเนื้อหาของกฎหมายที่ถูกเร่งพิจารณาก็กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ สนช. ยังคงเดินหน้าการพิจารณากฎหมายต่อโดยไม่ฟังเสียงเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม และปิดประตูรัฐสภา การเจรจาสื่อสารเพื่อเสนอข้อเรียกร้องและสิทธิในการมีส่วนร่วมของประชาชนจึงถูกปิดกั้นลงโดยสิ้นเชิง ประชาชนไม่มีช่องทางอื่นใดจะดาเนินการได้จึงปีนรั้วรัฐสภาเข้าไปนั่งชุมนุมที่บริเวณหน้าห้องประชุมเพื่อรอให้ สนช.มารับฟังข้อเรียกร้อง

ประเด็นท้าทายสำหรับการสืบพยานจำเลยในคดีนี้ คือ ทำอย่างไรให้กระบวนการยุติธรรมรับฟังถึงหลักการและคุณค่าที่จำเลยทั้งสิบยึดถือปฏิบัติ อันเป็นเหตุผลที่มาของการปีนเข้าไปในรัฐสภาซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบการรักษาความปลอดภัยของรัฐสภาและกฎหมายอาญา ทั้งนี้เพื่อรักษาไว้ซึ่งหลักการการมีส่วนร่วมของประชาชนอันเป็นหัวใจสาคัญในระบอบประชาธิปไตย

ร่างกฎหมายที่ผู้ชุมนุมคัดค้าน ได้แก่ ร่างกฎหมายการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร ร่างกฎหมายป่าชุมชน ร่างกฎหมายว่าด้วยทรัพยากรน้า ร่างกฎหมายการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ร่างกฎหมายว่าด้วยเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจ ร่างกฎหมายมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ ฯลฯ

คดีดังกล่าวศาลรับฟ้อง เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2553 เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.4383/2553 โดยโจทก์ฟ้องว่า ผู้ชุมนุมละเมิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน) มาตรา 215 (มั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง) มาตรา 362,364 (ฐานบุกรุก) มาตรา 365 (บุกรุกโดยใช้กาลังประทุษร้าย)

รายละเอียดข้อมูลคดี ติดตามย้อนหลังได้ที่
http://www.naksit.org/2012-02-03-08-40-11/2012-02-03-09-22-49/45-2012-02-23-09-24-40/231–10-.html 
http://naksit.org/2012-02-03-08-40-11/2012-02-03-09-22-49/45-2012-02-23-09-24-40/432–10-49.html 

หมายเหตุ
วันกำหนดนัดสืบพยานโจทก์:     เดือนมกราคม วันที่ 22-25 , 29-31 2556
เดือนกุมภาพันธ์ วันที่ 1,5-8 2556
วันกำหนดนัดสืบพยานจาเลย:    เดือนกุมภาพันธ์ วันที่ 19-22,26-28  2556
เดือนมีนาคม วันที่ 1,5-8,12-14 2556

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
คุณนคร ชมพูชาติ ทนายความ 081-8473086
คุณวราภรณ์ อุทัยรังสี ทนายความ 084-8091997

To support this case, please click here: SEND APPEAL LETTER

SAMPLE LETTER


Document Type : Forwarded Press Release
Document ID : AHRC-FPR-009-2013-TH
Countries : Thailand,
Issues : Human rights defenders, Judicial system, Labour rights, Military,